โดยปกติเราจะไม่สามารถระบุเจาะจงได้ว่าควรเปลี่ยนยางเมื่อใช้ยางมาแล้วกี่ปี เนื่องจากสภาพการใช้งานแต่ละท่านไม่เหมือนกัน ขึ้นกับปริมาณการใช้ สภาพถนนที่ใช้บ่อย เป็นต้น เราขอแนะนำให้คุณหมั่นตรวจสอบสภาพภายนอกของยาง ได้แก่
สภาพดอกยาง เราสามารถใช้งานได้จนกระทั่งดอกยางสึกหรอเหลือต่ำสุด 1.6 มิลลิเมตร สามารถสังเกตง่าย ๆ ได้จาก จุดสามเหลี่ยมเล็ก ๆ 6 จุดบนไหล่ยางแต่ละด้านเมื่อเจอสัญลักษณ์นี้แล้ว ให้มองตรงขึ้นไป ที่หน้ายาง และมองลึกลงไปที่ร่องดอกยาง ก็จะพบสันนูนที่ร่องยาง ซึ่งเรียกว่า สะพานยางและเมื่อไหร่ที่ดอกยางสึก ไปถึงสะพานยาง นั่นแสดงว่ายางหมดอายุการใช้งาน
ลักษณะยาง ถึงแม้ยางไม่หมดอายุแต่เกิดการบวมล่อนขึ้น บริเวณส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ที่หน้ายาง หรือ ไหล่ยาง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันทีเช่นกัน เพราะหากยังใช้ต่อไป ยางอาจแตกระเบิดได้
บาดแผลบนยาง ถ้าเกิดบาดแผลขึ้น โดยแผลนั้นมีความลึกไปถึงโครงสร้างยางภายใน และมีความกว้างของบาดแผลมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แผลบริเวณแก้มยาง ห้ามทำการปะซ่อมและนำมาใช้งานเด็ดขาด ควรเปลี่ยนยางใหม่โดยด่วนทันที
สภาพเนื้อยาง เนื้อแข็ง และกระด้างไม่มีความยืดหยุ่น ทดสอบง่าย ๆ โดยใช้เล็บจิกลงบนเนื้อของหน้ายางเก่า ถ้าใกล้หมดสภาพแล้วมักแทบจิกไม่ลงเลยครับ
นอกจากนี้คุณควรสังเกตสิ่งผิดปกติต่างๆ ระหว่างขับขี่ เช่น การสั่นสะเทือนของยาง ยางมีเสียงดังโดยเฉพาะเวลาเลี้ยว ยางดึงซ้าย-ขวา เป็นต้น อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าถึงเวลาที่ท่านควรเปลี่ยนยางใหม่แล้ว
หากคุณได้ใช้ยางดังกล่าวมากว่า 5 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบสภาพยางดังกล่าวเป็นประจำทุกปี และในกรณีที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่ ให้คุณปฏิบัติตามหนังสือคู่มือประจำรถจากผู้ผลิตรถยนต์ หรือคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์เกี่ยวกับการเปลี่ยนชิ้นส่วนของรถยนต์อย่างเคร่งครัด
และในกรณีที่คุณได้ใช้ยางดังกล่าวมากว่า 10 ปีนับจากวันผลิตแล้ว คุณจะต้องเปลี่ยนยางใหม่
ในทันที แม้จะปรากฏว่ายางดังกล่าวยังคงมีสภาพดีและไม่สึกถึงสัญลักษณ์บอกระดับความลึกของร่องดอกยางก็ตาม
ที่มา: http://www.michelin.co.th/Learn-share/Tyre-check-up/ และ http://www.kapook.com
Recent Comments